1. มาตรการประหยัดไฟฟ้า
1.1 ข้อควรปฏิบัติในการใช้งานเครื่องปรับอากาศ
1) ปิดพัดลมดูดอากาศเมื่อไม่จำเป็น
2) ตั้งปิดจอคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ใช้งาน
3) ตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้น แล้วเปิดพัดลมเสริม หรือปรับอุณหภูมิอยู่ที่ 26 องศา
4) ตั้งตู้เก็บวัสดุชิดผนังด้านตะวันออกหรือตะวันตก
5) ปิดเครื่องปรับอากาศเมื่อไม่มีคนอยู่ และไม่เปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ในขณะที่ปิดเครื่องปรับอากาศ โดยกำหนดเปิด-ปิด ดังนี้
-เปิดเวลา 09.00 น.
- ปิดเวลา 12.00 น.
- เปิดเวลา 13.00 น.
- ปิดเวลา 16.00 น.
6) ย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นแหล่งกำเนิดความร้อนออกนอกห้องปรับอากาศ
7) ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและไฟแสงสว่างที่ไม่จำเป็น
8) งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดควันและกลิ่นภายในห้องปรับอากาศ
9) ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่หนาเกินไป
10) ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท
11) ปิดผ้าม่าน
1.2 ข้อควรปฏิบัติในการประหยัดพลังงานระบบไฟฟ้าแสงสว่าง
1) การปรับปรุงประสิทธิภาพของโคมไฟฟ้าที่ลดลงตามอายุการใช้งาน เช่น เปลี่ยนหลอดใหม่หากเกิดการเสื่อมสภาพ ทำความสะอาดหลอดไฟ โคมสะท้อนแสง หรือฝาครอบที่อาจมีฝุ่นเกาะเป็นประจำ
2) การปรับปรุงโคมไฟฟ้าที่มีแสงสว่างเพียงพอ แต่ต้องการลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า เช่น เปลี่ยนบัลลาสต์เป็นบัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเปลี่ยนจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ 46 วัตต์ เป็นหลอดแอลอีดี 18 วัตต์
3) การปรับปรุงให้มีแสงสว่างเพิ่มขึ้น โดยไม่ทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เช่น เปลี่ยนหลอดฟลูออเรสเซนต์หลอดชนิดมาตรฐาน ให้เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดประสิทธิภาพสูง(หลอดขั้วเขียว) ที่ให้แสงสว่างมากกว่า แต่ใช้ไฟฟ้าเท่ากัน หรือ เปลี่ยนหลอดไฟฟ้าเดิมที่เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ ให้เป็นหลอด LED และเพิ่มจำนวนหลอด LED ให้มากขึ้น เช่น เปลี่ยนหลอดฟลูออเรสเซนต์ 36 วัตต์ (46 วัตต์) เป็นหลอด LED 18 วัตต์ 2 หลอด (เพิ่มโคม LED 1 ชุด) หรือ ติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงให้กับโคมที่ไม่มีแผ่นสะท้อนแสง หรือ ลดระดับโคมไฟฟ้าลงมาจากฝ้าเพดานที่มีความสูงมาก ให้สูงจากพื้นไม่เกิน 3 เมตร
1.3 ข้อควรปฏิบัติในการประหยัดพลังงานระบบอื่น ๆ
1) ตั้งเวลาปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นแบบอัตโนมัติ
2) แชร์เครื่องปริ้นเตอร์ใช้เพื่อลดค่าไฟฟ้า
3) ไม่เสียบกาน้ำร้อนไว้ตลอดเวลา และควรเติมน้ำให้พอดีกับปริมาณคน เพื่อลดระยะเวลาในการต้ม
4) ช่วงเวลาที่ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศควรใช้พัดลมแทน
2. มาตรการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
1) ไม่อุ่นเครื่องยนต์โดยติดเครื่องแล้วจอดรถอยู่กับที่
2) ไม่เร่งเครื่องยนต์แรงจนเกินไปขณะออกรถ
3) ไม่ติดเครื่องยนต์ระหว่างจอดรอคอย
4) ไม่ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ (ทางธรรมดา ไม่เกิน 90 กม./ชม. ,ทางด่วน ไม่เกิน 110 กม./ชม. และมอเตอร์เวย์ไม่เกิน 120 กม./ชม.)
5) ใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์
6) ไม่เลี้ยงคลัทช์หรือวางเท้าไว้ที่แป้นคลัทช์ขณะขับขี่
7) ไม่เหยียบเบรกบ่อยเกินความจำเป็น
8) ไม่บรรทุกสิ่งของเกินความจำเป็น
9) เปิดเครื่องปรับอากาศตามความจำเป็น และไม่ปรับให้เย็นมากจนเกินไป
10) ตรวจสอบความดันลมยางให้ไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน
11) หลีกเลี่ยงการใช้ถนนที่สภาพผิวถนนไม่ราบเรียบ เนื่องจากทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น
12) ตรวจสอบสภาพรถยนต์และบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดีพร้อมอยู่ตลอดเวลา ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 3–9 %
13) จัดทำบันทึกการใช้ยานพาหนะประจำรถทุกคัน
14) ศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ข่าว ณ. วันที่ 20 ก.ค. 2565 เวลา 10.43 น. โดย คุณ สุดารัตน์ บุญเลิศ
ผู้เข้าชม 320 ท่าน |